การใช้เงิน ‘เงินบาทแข็งค่า’เปิดตลาดที่ 36.00 บาทต่อดอลลาร์

การใช้เงิน  การใช้จ่ายเงิน  วางแผนการใช้เงิน  การใช้เงินอย่างฉลาด  การใช้เงินคือ  การใช้เงินให้เกิดประโยชน์  การวางแผนการใช้เงินในชีวิต ประ จํา วัน  การใช้เงินอย่างประหยัด  ใช้เงินเป็น คือ

ค่าเงินบาทอ่อนในรอบ3เดือน จากแรงซื้อดอลลาร์สหรัฐ-เงินทุนต่างประเทศไหลออก

 

การใช้เงิน   นายพูน พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (24 พ.ย)  ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.27 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ35.85-36.15 บาทต่อดอลลาร์สำหรับ การใช้จ่ายเงิน แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด คือ ปัจจัยที่ช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง เช่นเดียวกับ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำที่อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไร วางแผนการใช้เงิน

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์

การใช้จ่ายเงิน

เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าจนหลุดโซนแนวรับ 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากในช่วงปลายเดือน บรรดาผู้นำเข้าอาจเริ่มทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ แรงขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติก็สามารถเป็นอีกปัจจัยที่จะชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ อย่างไรก็ดี ควรรอติดตามรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยหากยอดการส่งออกขยายดีตัวกว่าคาดจนทำให้ดุลการค้าขาดดุลน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้การใช้เงินอย่างฉลาด ก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้

เงินบาท' วันนี้เปิด'ทรงตัว' ที่32.58บาทต่อดอลลาร์

วางแผนการใช้เงิน

แต่เรามองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงชัดเจน อาจทำให้โอกาสที่ยอดการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าคาดนั้น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ดังนั้น ผู้เล่นในตลาดจึงควรระวังความเสี่ยงที่เงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่าลงหากดุลการค้าขาดดุลมากขึ้นตามที่ตลาดคาด หรือ ขาดดุลมากกว่าคาดทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้นการใช้เงินคือ โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

เงินบาทอ่อนค่า จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า เงินเฟ้อ ก.ย.-ถ้อยแถลงเฟด

การใช้เงินอย่างฉลาด

รายงานการประชุมเฟดล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) ที่ระบุว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างสนับสนุนให้ชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 47.6 จุด และ 46.1 จุด ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (ดัชนีต่ำกว่าระดับ 50 จุด หมายถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิต/ภาคการบริการ) ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากนัก หากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ แย่ลงมากขึ้น (สอดคล้องกับความกังวลของเจ้าหน้าที่เฟดในรายงานการประชุมเฟดล่าสุด) นอกจากนี้ แนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่ม

เงินบาทวันนี้เปิด'แข็งค่า'ที่ 36.08 บาทต่อดอลลาร์

การใช้เงินคือ

เทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth Nvidia +3.0%, Alphabet +1.5% ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.99% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.59%ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวขึ้น +0.60% หนุนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าบรรดาธนาคารกลางจะเริ่มชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีหน้าก็มีส่วนช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯการวางแผนการใช้เงินในชีวิต ประ จํา วัน และหุ้นGrowth ฝั่งยุโรป อาทิ ASML +2.3%

เงินบาทวันนี้เปิด'แข็งค่า'ที่ 36.78บาทต่อดอลลาร์

การใช้เงินให้เกิดประโยชน์

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยิ่งมั่นใจว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยไปได้ไกลมาก ตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 3.69% ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ ขึ้นกับมุมมองของตลาดต่อระดับสูงสุดของดอกเบี้ยเฟด (Terminal Rate) โดยต้องติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยเฉพาะข้อมูลเงินเฟ้อและตลาดแรงงาน ในช่วงก่อนถึงการประชุมเฟดในเดือนธันวาคม ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นจุดที่ชี้ชะตาบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ว่าจะกลับมาเป็นเทรนด์ขาลงชัดเจนได้หรือไม่ฝั่งตลาดค่าเงิน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์(DXY) ปรับตัวลดลง -0.9% สู่ระดับ 106 จุด การใช้เงินอย่างประหยัดนอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนและอังกฤษออกมาดีกว่าคาด อนึ่ง แม้ว่าตลาดการเงินจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง แต่ทว่าการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำใช้เงินเป็น คือ(สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) รีบาวด์ขึ้น +1.0% กลับสู่ระดับ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า การรีบาวด์ของราคาทองคำดังกล่าว อาจมีผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำได้ โดยเฉพาะหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านได้ และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท    การใช้เงิน

 

เครติด bangkokbiznews

 

ข่าวแนนำ